เมื่อคุณเริ่มทำเว็บไซต์บริษัท คุณต้องเคยได้ยินคำว่า SEO อย่างแน่นอน แล้ว SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง ทำไมหลาย ๆ เว็บไซต์ถึงทำกัน วันนี้เราจะมารู้จักกับ SEO รวมถึงความสำคัญของการทำ SEO ด้วยกันค่ะ

SEO คืออะไร?

SEO หรือ Search Engine Optimization คือการปรับปรุงและพัฒนาให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหาบน Search Engine เช่น Google ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ และการทำเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพมากพอที่เว็บไซต์ของเราจะเป็น ‘คำตอบแรก’ ของการค้นหาบน Google ยิ่งเว็บไซต์ของเราอยู่อันดับสูงเท่าไร จำนวนคนที่จะคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เรามีโอกาสที่จะนำเสนอสินค้าให้กับผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ได้ และนำไปสู่การเพิ่มยอดขายอีกด้วย

SEO สำคัญยังไง ทำไมทุกเว็บไซต์ธุรกิจต้องทำ

1.ช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์

หากเปรียบเทียบเว็บไซต์ของเราเป็นร้านค้า การทำเว็บไซต์ให้ติดอยู่อันดับต้น ๆ ของการค้นหาก็เหมือนกับเราตั้งร้านค้าอยู่ในบริเวณที่ผู้คนมักเดินผ่านลูกค้าก็จะเลือกเข้ามาในร้านของเรามากกว่าร้านที่ตั้งอยู่ในซอยลึกหรือเว็บไซต์ที่ไม่ติดอันดับนั้นเอง

2.การประชาสัมพันธ์ธุรกิจ

การทำ SEO ให้ดีมีปัจจัยสำคัญคือการเลือกใช้ Keyword หรือคำค้นหาที่คนใช้ค้นหาบนอินเทอร์เน็ต เราควรเลือกใช้ Keyword ที่มีคนค้นหาเป็นจำนวนมาก และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา หากเราเลือกใช้ Keyword ได้ถูกต้องและสามารถทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับต้น ๆ ได้ในหลาย ๆ Keyword ผู้คนก็จะคุ้นตากับธุรกิจของเรา และทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น

3.SEO ทำให้เกิด Organic Search

Organic Search ส่วนใหญ่เป็นช่องทางหลักที่ให้คนคลิกเข้าสู่เว็บไซต์จาก Search Engine เป็นส่วนสำคัญที่จะบอกว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน หมายความว่ายิ่งเว็บไซต์ของเรามี Organic Search ที่สูงก็จะหมายถึงเว็บไซต์เรามีประสิทธิภาพสูง ทำให้เว็บไซต์ของเราได้ขึ้นไปอยู่บนอันดับต้น ๆ ของการค้นหา และทำให้คนคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ได้มากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับล่างๆ

4.ไม่มีค่าใช้จ่าย

การทำ SEO นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย หากเราสามารถทำได้เอง แต่ถ้าหากเราเลือกจ้าง Agency หรือ Outsource แม้จะมีค่าใช้จ่ายแต่ก็คุ้มค่ามากกว่าการทำโฆษณาออนไลน์อื่น ๆ มาก และยังมีประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการทำการตลาดได้

5.เป็นกลยุทธ์ระยะยาว

การทำ SEO เป็นการทำกลยุทธ์ทางการตลาดที่ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งมักจะเห็นผลชัดเจนในปีแรก และจะส่งผลต่อเนื่องอีกหลายปี ถ้าหากเราทำเนื้อหาที่คนมักจะค้นหาตลอดเวลา ไม่ใช่เนื้อหาที่เป็นเพียงกระแสในช่วงเวลาหนึ่ง และสามารถทำให้เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพสูงได้ เว็บไซต์ของเราก็จะติดอยู่ในอันดับได้เป็นเวลานานหลายปีเลยทีเดียว เช่น เนื้อหาเคล็ดลับหรือเทคนิคต่าง ๆ

6.สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ

การทำ SEO ทำให้เราสามารถแสดงความเชี่ยวชาญหรือความเป็นมืออาชีพในด้านที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการได้ และลูกค้ายังสามารถค้นหาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต จึงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อสินค้าหรือบริการได้ และยังรวมไปถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์อีกด้วย

7.เป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการเข้าใจลูกค้า

บนโลกออนไลน์นั้นมีการเก็บข้อมูลของลูกค้ามากมายที่เราสามารถเข้าถึงได้ทั้งบนเว็บไซต์ของเราเอง และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เราสามารถใช้งานได้ ทำให้เราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อนำมาทำ SEO ด้วยการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์และเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าซึ่งต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพราะลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราสามารถเข้าใจและรู้ถึงความต้องการของลูกค้าได้ก่อนใคร

8.SEO นำไปสู่โอกาสใหม่ ๆ

จากข้อ 7 นั้นเมื่อเราเข้าใจลูกค้าและความต้องการที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดนั้น เราสามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปต่อยอดในส่วนอื่นได้อีก เช่น การพัฒนาสินค้าหรือบริการ การทำโปรโมชั่น

สรุปแล้วการทำ SEO เป็นช่องทางที่เราสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อนำเสนอสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมาย และนำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้เราได้นั่นเอง จะดีแค่ไหนถ้าเว็บไซต์ของเราสามารถเป็นอันดับแรกของการค้นหาได้ JOLLYBOX พร้อมช่วยคุณออกแแบบและสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้วยทีมงานมืออาชีพ

SEO ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย

1. คนเห็นสินค้าเรามากขึ้น

เมื่อการทำ SEO ช่วยให้เราสามารถดึงคนให้เข้าสู่เว็บไซต์เรามากขึ้นแล้ว เราก็สามารถนำเสนอสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ของเราให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ ก็จะทำให้มีจำนวนคนเห็นสินค้าของเรามากขึ้นตามลำดับ

2.ลูกค้าจาก SEO มีโอกาสซื้อมากกว่า

ลูกค้าจาก SEO เป็นลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าอยู่แล้วหรือมีโอกาสสนใจสินค้ามากกว่า เพราะลูกค้ากลุ่มนี้สนใจเนื้อหาจาก SEO ที่เราทำไว้ซึ่งเนื้อหานั้นมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา แต่ลูกค้าที่มาจากโฆษณาอาจจะเข้ามาเพราะคำโฆษณาหรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดแต่ไม่ได้มีความต้องการในสินค้าจริง ๆ ก็ได้

3.เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อ

ปัจจุบันเมื่อเราจะซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักหนึ่งอย่าง เรามักจะทำการค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก่อนเป็นอันดับแรก หากเปรียบเทียบสินค้าของแบรนด์เอและแบรนด์บี สินค้าของแบรนด์เอสามารถค้นหาเจอได้ง่ายอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหา และมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก กับสินค้าของแบรนด์บีที่อยู่อันดับท้าย ๆ ของการค้นหา และค้นหาข้อมูลได้ยาก ลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์ไหน? ก็คงต้องเป็นแบรนด์เอที่มีข้อมูลที่สามารถค้นหาได้ง่าย

4. ทำโฆษณาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อมีคนเข้าสู่เว็บไซต์ของเรา เราสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมของคนเหล่านั้นไว้ได้ เช่น เขาเคยอ่านบทความเรื่องนี้ เขาเคยดูสินค้าชิ้นนี้ เขาเคยกดสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่ซื้อ หรือเขาซื้อสินค้าของเราไปแล้ว เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาเป็นตัวกำหนดว่าเราจะส่งโฆษณาหรือโปรโมชั่นแบบไหนให้คนแต่ละกลุ่มได้ ทำให้โฆษณาที่ส่งไปตรงกับความต้องการของคนแต่ละกลุ่ม และมีประสิทธิภาพมากกว่าการส่งโฆษณาตัวเดียวกันให้กับคนทุกกลุ่ม